2015
DOI: 10.14260/jemds/2015/2107
|View full text |Cite
|
Sign up to set email alerts
|

STUDY OF CORONARY OSTIA, THEIR VARIATIONS & CLINICAL SIGNIFICANCE

Abstract: Anomalies of the coronary ostia are of great practical significance than those of coronary arterial distribution. High degree of association exists between anomalies of the coronary ostia and other congenital cardiovascular defects. Detailed knowledge and awareness of the anatomical variations in ostia of coronary artery and its major blood vessels may help to overcome potential difficulties in certain cardiosurgical procedures. A cadaveric study in an unsuspected population provides a basis for understanding … Show more

Help me understand this report

Search citation statements

Order By: Relevance

Paper Sections

Select...

Citation Types

0
0
0
3

Publication Types

Select...
1

Relationship

0
1

Authors

Journals

citations
Cited by 1 publication
(3 citation statements)
references
References 10 publications
(23 reference statements)
0
0
0
3
Order By: Relevance
“…8±3.2 ถึ ง 16.0±3.6 มิ ลลิ เมตร20,35,36 และต าแหน่ งรู เปิ ดทางขวามี ระยะทาง 13.1±3.2 ถึ ง 14.9±4.3 มิ ลลิ เมตร20,35,36 ส่ วนการศึ กษาข้ อมู ลที ่ ได้ จาก CT scan ของผู ้ ป่ วยพบว่ าต าแหน่ งรู เปิ ด coronary artery ทางซ้ ายมี ระยะทาง 15.3±3.1 และทางขวามี ระยะทาง 17.0±3.6 มิ ลลิ เมตร 19 ซึ ่ ง Knight และคณะ 19 ในปี ค.ศ. 2009 รายงานถึ งความแตกต่ างเมื ่ อเปรี ยบเที ยบข้ อมู ลที ่ ได้ จาก CT scan ของผู ้ ป่ วยกั บการศึ กษาในร่ างอาจารย์ ใหญ่ เนื ่ องจากการศึ กษาต าแหน่ งของรู เปิ ดหลอดเลื อดใน ผู ้ ป่ วยมี ปั จจั ยเรื ่ องแรงดั นเลื อดมาเกี ่ ยวข้ อง ถึ งแม้ จะท าการวั ดต าแหน่ งของรู เปิ ดหลอดเลื อดในขณะ diastolic ซึ ่ งมี ความคล้ ายคลึ งกั บการศึ กษาในร่ างอาจารย์ ใหญ่ ก็ ตาม ส าหรั บการศึ กษานี ้ พบว่ า ต าแหน่ งรู เปิ ด coronary artery ทางซ้ ายมี ระยะทางใกล้ เคี ยงกั บการรายงานของ Govsa และคณะ 35 นผ่ านศู นย์ กลางของ coronary artery จากการวิ เคราะห์ ข้ อมู ล angiography และ CT scan พบว่ า left orifice มี ขนาด 3.56 ถึ ง 5.3 มิ ลลิ เมตร 18,24 และ right orifice จากข้ อมู ลของ angiography มี ขนาด 2.65 มิ ลลิ เมตร 24 ส่ วนการศึ กษาข้ อมู ลในร่ างอาจารย์ ใหญ่ พบว่ า left orifice มี ขนาด 3.77±0.61 ถึ ง 4.22±0.72 มิ ลลิ เมตร และ right orifice มี ขนาด 3.32±0.82 ถึ ง 3.42±0.66 มิ ลลิ เมตร 17,22,35 ซึ ่ งเมื ่ อเปรี ยบเที ยบกั บการศึ กษานี ้ พบว่ า left orifice มี ขนาดเส้ นผ่ านศู นย์ กลาง ใหญ่ กว่ าการศึ กษาในร่ างอาจารย์ ใหญ่ อื ่ นๆ แต่ กลั บมี ขนาดใกล้ เคี ยงกั บการศึ กษาในข้ อมู ลที ่ ได้ จาก CT scan 18 ส่ วน right orifice มี ขนาดเส้ นผ่ านศู นย์ กลางใหญ่ กว่ าการศึ กษาอื ่ นๆทั ้ งในร่ างอาจารย์ ใหญ่ และข้ อมู ลที ่ ได้ จาก angiography (ตารางที ่ 17) ซึ ่ ง Mahadevappa และคณะ 38 ในปี ค.ศ.…”
unclassified
See 2 more Smart Citations
“…8±3.2 ถึ ง 16.0±3.6 มิ ลลิ เมตร20,35,36 และต าแหน่ งรู เปิ ดทางขวามี ระยะทาง 13.1±3.2 ถึ ง 14.9±4.3 มิ ลลิ เมตร20,35,36 ส่ วนการศึ กษาข้ อมู ลที ่ ได้ จาก CT scan ของผู ้ ป่ วยพบว่ าต าแหน่ งรู เปิ ด coronary artery ทางซ้ ายมี ระยะทาง 15.3±3.1 และทางขวามี ระยะทาง 17.0±3.6 มิ ลลิ เมตร 19 ซึ ่ ง Knight และคณะ 19 ในปี ค.ศ. 2009 รายงานถึ งความแตกต่ างเมื ่ อเปรี ยบเที ยบข้ อมู ลที ่ ได้ จาก CT scan ของผู ้ ป่ วยกั บการศึ กษาในร่ างอาจารย์ ใหญ่ เนื ่ องจากการศึ กษาต าแหน่ งของรู เปิ ดหลอดเลื อดใน ผู ้ ป่ วยมี ปั จจั ยเรื ่ องแรงดั นเลื อดมาเกี ่ ยวข้ อง ถึ งแม้ จะท าการวั ดต าแหน่ งของรู เปิ ดหลอดเลื อดในขณะ diastolic ซึ ่ งมี ความคล้ ายคลึ งกั บการศึ กษาในร่ างอาจารย์ ใหญ่ ก็ ตาม ส าหรั บการศึ กษานี ้ พบว่ า ต าแหน่ งรู เปิ ด coronary artery ทางซ้ ายมี ระยะทางใกล้ เคี ยงกั บการรายงานของ Govsa และคณะ 35 นผ่ านศู นย์ กลางของ coronary artery จากการวิ เคราะห์ ข้ อมู ล angiography และ CT scan พบว่ า left orifice มี ขนาด 3.56 ถึ ง 5.3 มิ ลลิ เมตร 18,24 และ right orifice จากข้ อมู ลของ angiography มี ขนาด 2.65 มิ ลลิ เมตร 24 ส่ วนการศึ กษาข้ อมู ลในร่ างอาจารย์ ใหญ่ พบว่ า left orifice มี ขนาด 3.77±0.61 ถึ ง 4.22±0.72 มิ ลลิ เมตร และ right orifice มี ขนาด 3.32±0.82 ถึ ง 3.42±0.66 มิ ลลิ เมตร 17,22,35 ซึ ่ งเมื ่ อเปรี ยบเที ยบกั บการศึ กษานี ้ พบว่ า left orifice มี ขนาดเส้ นผ่ านศู นย์ กลาง ใหญ่ กว่ าการศึ กษาในร่ างอาจารย์ ใหญ่ อื ่ นๆ แต่ กลั บมี ขนาดใกล้ เคี ยงกั บการศึ กษาในข้ อมู ลที ่ ได้ จาก CT scan 18 ส่ วน right orifice มี ขนาดเส้ นผ่ านศู นย์ กลางใหญ่ กว่ าการศึ กษาอื ่ นๆทั ้ งในร่ างอาจารย์ ใหญ่ และข้ อมู ลที ่ ได้ จาก angiography (ตารางที ่ 17) ซึ ่ ง Mahadevappa และคณะ 38 ในปี ค.ศ.…”
unclassified
“…10,13,[33][34][35][36] และต าแหน่ งรู เปิ ด ของหลอดเลื อดอยู ่ สู งกว่ าระดั บ sinotubular junction ทางซ้ ายคิ ดเป็ น 3.33%-4.76% และทางขวา คิ ดเป็ น 3.33%-3.81% ตามล าดั บ10,13,[33][34][35][36] มี เพี ยงการศึ กษาของ Govsa และคณะ35 ในปี ค.ศ. 2009 ที ่ พบว่ าต าแหน่ งรู เปิ ดของหลอดเลื อดอยู ่ ในระดั บสู งกว่ า sinotubular junction ทางซ้ ายและทางขวา คิ ดเป็ น 29% และ 13% ตามล าดั บ ซึ ่ งมากกว่ ารู ปแบบที ่ รู เปิ ดของหลอดเลื อดอยู ่ ในระดั บเดี ยวกั บ เเบบของต าแหน่ งรู เปิ ดของหลอดเลื อดทั ้ งซ้ ายและขวาอยู ่ ใต้ ระดั บ sinotubular junction มากที ่ สุ ด สอดคล้ องกั บรายงานที ่ กล่ าวข้ างต้ น 10,13,33-36 รองลงมาคื อรู ปแบบที ่ ต าแหน่ งรู เปิ ดของหลอดเลื อดทั ้ ง ซ้ ายและขวาอยู ่ สู งกว่ าระดั บ sinotubular junction แต่ ไม่ พบรู ปแบบที ่ ต าแหน่ งรู เปิ ดของหลอด เลื อดทั ้ งสองข้ างอยู ่ ในระดั บเดี ยวกั นกั บ sinotubular junction อย่ างไรก็ ตามการศึ กษานี ้ ไม่ พบ อุ บั ติ การณ์ ที ่ หลอดเลื อดอยู ่ ในรู ปแบบ high หรื อ low take off เช่ นเดี ยวกั บการศึ กษาในร่ างอาจารย์ ใหญ่ ที ่ ผ่ านมา (ตารางที ่ 15) ซึ ่ งความแตกต่ างของต าแหน่ งรู เปิ ดหลอดเลื อดที ่ พบนี ้ อาจอธิ บายด้ วย รู ปแบบแนว sinotubular junction ที ่ มี ความหลากหลาย ซึ ่ งรู ปแบบความโค้ งของแนว sinotubular junction มี ผลท าให้ การระบุ ต าแหน่ งของรู เปิ ดหลอดเลื อดรายงานไม่ ตรงกั น 33 ส่ วนอุ บั ติ การณ์ ของ รู ปแบบ high หรื อ low take-off เนื ่ องจากเป็ นรู ปแบบที ่ สามารถพบได้ น้ อยมาก โอกาสที ่ พบจึ ง ขึ ้ นอยู ่ กั บจ านวนของตั วอย่ างที ่ ใช้ ในงานวิ จั ย ซึ ่ งหากตั วอย่ างที ่ ใช้ ศึ กษามี จ านวนเพิ ่ มมากขึ ้ น ความ น่ าจะเป็ นที ่ จะพบอุ บั ติ การณ์ นี ้ อาจเพิ ่ มสู งขึ ้ นตามไปด้ วย นอกจากนี ้ Turner และ Navaratnam 37 ใน ปี ค.ศ.…”
unclassified
See 1 more Smart Citation