“…จากข้ อมู ลเกี ่ ยวกั บปั ญหาที ่ เกิ ดขึ ้ นในการเรี ยนภาษาไทยของผู ้ เรี ยนที ่ ใช้ ภาษาไทยเป็ นภาษาที ่ สองที ่ ไม่ สอดคล้ องกั บลั กษณะผู ้ เรี ยน เนื ่ องจากในสถานศึ กษาที ่ ผู ้ เรี ยนเหล่ านี ้ เข้ ารั บการศึ กษานั ้ นใช้ หลั กสู ตรการศึ กษาขั ้ นพื ้ นฐานที ่ ใช้ กั บผู ้ เรี ยนที ่ ใช้ ภาษาไทยเป็ นภาษาแม่ ทำให้ เกิ ดความไม่ เหมาะสม ทางด้ านเนื ้ อหาที ่ อาจจะยากเกิ นไปสำหรั บผู ้ ที ่ เริ ่ มเรี ยนภาษาไทยเป็ นภาษาที ่ สองอย่ างผู ้ เรี ยนชาติ พั นธุ ์ อื ่ น ๆ เพื ่ อให้ ผู ้ เรี ยนเหล่ านี ้ มี พื ้ นฐานทางภาษาที ่ ดี ขึ ้ น จึ งจำเป็ นจะต้ องพั ฒนาทั กษะการสื ่ อสารด้ วย วาจาอั นประกอบไปด้ วยทั กษะการฟั ง และทั กษะการพู ดระดั บพื ้ นฐานให้ เพี ยงพอ ซึ ่ งจากการจั ดการ เรี ยนการสอนภาษาของนั กการศึ กษาและนั กวิ จั ยส่ วนใหญ่ จะเลื อกใช้ การจั ดการเรี ยนรู ้ ภาษาโดยใช้ ภาระงานเป็ นฐาน (Task-based Language Learning) ในการจั ดการเรี ยนรู ้ เพื ่ อให้ ผู ้ เรี ยนใช้ กระบวนการทางภาษาผ่ านการใช้ ที ่ เน้ นความหมาย (Meaning-focused language use) ในทาง ปฏิ บั ติ เพื ่ อให้ บรรลุ เป้ าหมายตามที ่ กำหนดไว้ ทั ้ งเป็ นการเพิ ่ มประสิ ทธิ ภาพในกระบวนการสร้ างภาษา และทำให้ ผู ้ เรี ยนเกิ ดความเข้ าใจมากขึ ้ น และการจั ดการเรี ยนรู ้ ลั กษณะนี ้ มี ความยื ดหยุ ่ น สามารถปรั บ ให้ เข้ ากั บบริ บทต่ าง ๆ ให้ เหมาะสมกั บผู ้ เรี ยน ผลงานวิ จั ยที ่ ใช้ การเรี ยนรู ้ ภาษาโดยใช้ ภาระงานพบว่ า ภาระงานที ่ เหมาะสมต่ อบริ บทการเรี ยนรู ้ ของผู ้ เรี ยนและสามารถส่ งเสริ มให้ ผู ้ เรี ยนสร้ างภาษาได้ มาก จะส่ งผลให้ ผู ้ เรี ยนใช้ ภาษาได้ ถู กต้ อง (Accuracy) ใช้ ภาษาได้ ซั บซ้ อนมากขึ ้ น (Complexity) และใช้ ภาษาคล่ องแคล่ วมากขึ ้ น (Fluency) เนื ่ องจากภาระงานทางภาษาจะนำมาจากบริ บทที ่ เกิ ดขึ ้ นใน ชี วิ ตประจำวั นที ่ แท้ จริ ง ทำให้ ผู ้ เรี ยนสามารถเชื ่ อมโยงเข้ ากั บการดำเนิ นชี วิ ตของผู ้ เรี ยนได้ (Ellis, 2003;Ahmadian, 2012;Robinson, 2015;Skehan, 2015;Tavakoli, 2017) อี กหนึ ่ งการจั ดการ เรี ยนรู ้ ที ่ สามารถสนั บสนุ นให้ การเรี ยนรู ้ ภาษาโดยใช้ ภาระงานเป็ นฐานเป็ นประโยชน์ ต่ อผู ้ เรี ยนมากขึ ้ น คื อ การเรี ยนรู ้ แบบโต้ ตอบ (Interactive Learning) เป็ นกระบวนการเรี ยนรู ้ ที ่ ผู ้ เรี ยนต้ องโต้ ตอบทั ้ ง ทางวาจาหรื อแสดงท่ าทางในกิ จกรรมที ่ ใช้ เทคโนโลยี เพื ่ อตอบสนอง ทั ้ งระหว่ างผู ้ เรี ยนกั บผู ้ เรี ยน ผู ้ เรี ยนกั บผู ้ สอน และผู ้ เรี ยนกั บเทคโนโลยี ที ่ มี ระบบการโต้ ตอบกลั บ เพื ่ อสะท้ อนผลป้ อนกลั บให้ ผู ้ เรี ยน ได้ พั ฒนาความรู ้ (พี รพั ฒน์ ตรั งรั ฐพิ ทย์ , 2557; Sessoms, 2008;Reeves, 2012;Ishizue Sakamoto & Fukazawa, 2017;Liu et al, 2018) การเรี ยน (Ginther, 2002;Grgurovic & Hegelheimer, 2007;Abidin et al, 2011;Sejdiu, 2017) Willis, 1996;Eillis, 2003;Willis & Willis, 2007;Psotka, 2012;Valeev, Latypova, & Latypov, 2016;Ishizue, Sakamoto,& Fukazawa, 2017;…”