“…จากการศึ กษาเอกสารและงานวิ จั ยที ่ ผ่ านมาพบว่ า กรอบคิ ดด้ านการประเมิ นของครู จะมี ความสั มพั นธ์ กั บการปฏิ บั ติ ด้ านการประเมิ นในชั ้ นเรี ยน โดยครู ที ่ มี กรอบคิ ดแบบเติ บโตจะใช้ การ ประเมิ นในห้ องเรี ยนเพื ่ อพั ฒนาและสร้ างโอกาสในการเรี ยนรู ้ ของนั กเรี ยนให้ เท่ าเที ยมกั น (Jensen, 2004;Zeeb, et al, 2020) หากครู จั ดประสบการณ์ การเรี ยนรู ้ ให้ แก่ นั กเรี ยนตามความสามารถของ นั กเรี ยนเพื ่ อที ่ จะให้ นั กเรี ยนประสบความสำเร็ จ เมื ่ อประเมิ นเที ยบกั บมาตรฐานที ่ ครู กำหนดขึ ้ น โดยคำนึ งถึ งความสามารถของนั กเรี ยน พั ฒนานั กเรี ยนแต่ ละบุ คคคลเพื ่ อให้ ไปถึ งเป้ าหมายที ่ ครู กำหนดไว้ โดยพั ฒนาและสร้ างโอกาสในการเรี ยนรู ้ ของนั กเรี ยน ให้ เท่ าเที ยมกั น สิ ่ งที ่ สำคั ญคื อ การวั ด ระดั บความสามารถของนั กเรี ยน หากครู มี การจั ดการเรี ยนสอนและการประเมิ นตามข้ อความที ่ กล่ าว ข้ างต้ น แสดงว่ าครู มี กรอบคิ ดแบบเติ บโตในการประเมิ น (DeLuca, et al, 2019;Jensen, 2004;Master, 2013;Zeeb, et al, 2020) อี กทั ้ งผลจากการเรี ยนรู ้ ของนั กเรี ยนที ่ เกิ ดขึ ้ น จะช่ วยให้ ครู ได้ ข้ อมู ลที ่ สำคั ญเกี ่ ยวกั บการสอนของตน ได้ วิ ธี การเรี ยนรู ้ และประยุ กต์ ใช้ ทั กษะใหม่ ที ่ นั กเรี ยน ได้ เรี ยนรู ้ ของนั กเรี ยนที ่ มี ผลการเรี ยนต่ างระดั บกั น ซึ ่ งจะช่ วยให้ ครู ปรั บปรุ งการสอนที ่ จะช่ วยนั กเรี ยน ทุ ก ค น เรี ย น รู ้ ได้ (The Alberta Teachers' Association, 2 0 1 6 ) จ ะ เห็ น ได้ ว่ าก รอ บ คิ ด ในการประเมิ นของครู และวิ ธี การที ่ ครู ปฏิ บั ติ นั ้ นมี ความเกี ่ ยวข้ องกั นอย่ างมาก (DeLuca, et al, 2019 ;Jensen, 2004 ;Master, 2013 ;Zeeb, et al, 2020) (Liang, 2010) การพั ฒนาแนวทางกรอบคิ ดแบบเติ บโตและการปฏิ บั ติ การประเมิ นในชั ้ นเรี ยนของครู ให้ เหมาะสมนั ้ นผู ้ วิ จั ยจะต้ องมี สารสนเทศในอดี ตก่ อนว่ า การที ่ ครู มี กรอบคิ ดและการปฏิ บั ติ การประเมิ น ในชั ้ นเรี ยนที ่ แตกต่ างกั นนั ้ นเป็ นเพราะเหตุ ใด ประเด็ นสำคั ญอี กหนึ ่ งประเด็ นก่ อนที ่ จะนำเสนอแนว ทางการส่ งเสริ ม ผู ้ วิ จั ยต้ องวิ เคราะห์ ว่ าปั จจั ยใดบ้ างที ่ ส่ งผลต่ อกรอบคิ ดและการปฏิ บั ติ ด้ านการ ประเมิ นในชั ้ นเรี ยนของครู เพื ่ อนำไปสู ่ การพั ฒนาแนวทางทั ้ งนี ้ ข้ อค้ นพบจากการวิ จั ยที ่ ส่ วนใหญ่ มุ ่ ง พั ฒนาไปที ่ การศึ กษาระดั บการรู ้ เรื ่ องการประเมิ นของครู (Eyal, 2012;Mertler & Campbell, 2005;Volante & Fazio, 2007;Perry, 2013) ผู สำหรั บองค์ ประกอบของกรอบคิ ดจากการสั งเคราะห์ เอกสารและงานวิ จั ยที ่ เกี ่ ยวข้ อง ผู ้ วิ จั ย ได้ สั งเคราะห์ องค์ ประกอบที ่ นำไปสู ่ การส่ งเสริ มกรอบคิ ดแบบเติ บโตและการปฏิ บั ติ การประเมิ นในชั ้ น เรี ยนของครู จำนวน 3 องค์ ประกอบคื อ 1)การให้ ความสำคั ญกั บความคิ ดเห็ นของนั กเรี ยน 2) การวั ด และประเมิ นผลด้ วยความเป็ นธรรม และ 3) การเห็ นความสำคั ญของผลการประเมิ นที ่ ผ่ านมา (Jensen, 2004DeLuca et al, 2019Zeeb et al, 2020) และการปฏิ บั ติ การประเมิ นในชั ้ นเรี ยน ประกอบด้ วย 3 ด้ าน ได้ แก่ 1) การกำหนดเป้ าหมายของการวั ดและประเมิ น 2) กา...…”